1) การยอมรับ คือจุดเริ่มต้นของกระบวนการเยียวยา(เติบโต)ทางจิตใจทุกชนิด ไม่ใช่เฉพาะสำหรับแพนิคเท่านั้น หากเราไม่ยอมรับ เราปฏิเสธสิ่งที่เราเป็น หลายคนมาในรูปแบบโกหกตัวเอง (เพราะใจรับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นแพนิค) การเยียวยาขั้นถัดไปไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
2)การยอมรับ = การเข้าใจว่าทุกสิ่งที่เป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เหล่านี้เป็นของฉัน ทุกความรู้สึก ทุกอาการ มันคือของฉันทั้งสิ้น และมีแค่เพียงฉันเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบมัน และฉันจะไม่โทษตัวฉันที่เป็น ฉันจะไม่โบ้ยให้หน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นของใครนอกจากตัวฉัน (และไม่โบ้ยให้ยาเป็นคนรับผิดชอบความรู้สึกแทนตัวฉัน)
3) เราสามารถ “ยอมรับ” สิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราเกลียด หรือแม้แต่สิ่งที่เรากลัวได้ด้วยนะ >>> เรื่องนี้หลายคนเข้าใจผิด ว่าการยอมรับ=ยอมชะตา จริงๆแล้วไม่ใช่ การยอมรับ = การรับรู้สภาวะ และ status ปัจจุบันของเรา เรามีสิทธิไม่ชอบสิ่งที่เรายอมรับ และเราสามารถหาหนทางให้เราดีกว่านี้ เก่งกว่านี้ได้ (แต่ถ้าไม่ยอมรับแต่แรก เราก็ไม่เห็นว่าตัวเองบกพร่องหรือควรพัฒนาตรงไหน)
4) เช่น เรายอมรับว่าอาการทั้งหมดในร่างกายเกิดจากแพนิค แม้เราจะกลัวแพนิค กลัวไอ้ความควบคุมตัวเองไม่ได้ของเรา แต่เรารู้ว่ามาจากแพนิคซึ่งเป็นโรคที่ไม่ทำให้เราเป็นอะไรร้ายแรงแน่นอน >>> แบบนี้สมองจะเกิดการเชื่อมโยงได้ว่า อาการแย่ๆ = แพนิค = ไม่เป็นไร ไม่ตาย
แต่ถ้าเราไม่ยอมรับ เราตั้งแง่กับตัวเองว่า อาการทั้งหลายของเรามันต้องเป็นสิ่งอื่นแน่ เป็นอะไรร้ายๆแน่ๆ (ทั้งๆที่ตรวจไปกว่า10-20รอบแล้ว) >>> สมองจะเชื่อมโยงว่า อาการแย่ๆ = อะไรไม่รู้ = ไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ
5) การยอมรับ เป็นกระบวนการภายใน ไม่ใช่พูดว่า “ฉันยอมรับนะ” แล้วจะยอมได้เลย แต่ส่วนมาก มักเกิดจาก “อนุญาต” ให้สิ่งๆนั้นเกิดกับฉันได้อย่างเต็มที่ และฉันจะไม่ต่อต้าน
ดังนั้นนี่จึงเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้ยาก นักบำบัดจึงมีบทบาทช่วยtransformให้มองเห็นพลังงานดีๆ เห็นแง่งามดีๆของสิ่งที่เขาไม่ชอบ จนเขาเห็นความจริงอีกมุมว่าสิ่งนั้นไม่ได้แย่เสมอไป จุดนั้นจึงเกิดการยอมรับ
6) แต่ในชีวิตจริง มนุษย์เรามีโอกาสฟลุ๊ก เกิดการยอมรับได้เอง และเห็นแง่งามได้ด้วยปัจจัยธรรมชาติเหมือนกัน เช่นบางคนเป็นแพนิคแรงมากๆ ไป รพ.หลายครั้งมากๆ จนหมอในระแวกนั้นรู้จักกันหมด จนสุดท้ายเหนื่อยมาก ไม่ไปรพ.แล้ว วันหนึ่งเกิดอาการรุนแรง จึงพบกับตัวเองว่า เห้ย กุไม่ตายนี่หว่า ไม่ไป รพ. ก็ไม่เป็นไร เวลาผ่านไปมันหายเอง ตั้งแต่นั่นมาจึงเลิกกลัวเลย นั่นแหล่ะเกิดการยอมรับได้เอง (อาจจะยังกังวล แต่รู้ว่าไม่ตายนั่นเอง)
